วัดบ้าน ประวัติ แต่เดิมวัดบ้านไม่มีพระสงฆ์อาศัยอยู่ประมาณ พ.ศ 2556มีพระสงฆ์มาจากจ.มหาสารคามประมาณ 3รูปจึงมีการบรูณาวัดขึ้นจนถึงปัจจุบัน วันนี้มีชื่อว่า วัดโนนทองวราราม
วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2557
วัดบ้าน
วัดบ้าน ประวัติ แต่เดิมวัดบ้านไม่มีพระสงฆ์อาศัยอยู่ประมาณ พ.ศ 2556มีพระสงฆ์มาจากจ.มหาสารคามประมาณ 3รูปจึงมีการบรูณาวัดขึ้นจนถึงปัจจุบัน วันนี้มีชื่อว่า วัดโนนทองวราราม
วันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2557
วัดของหมู่บ้าน
วัดป่า
บ้านโพนสว่างมีสองวัดมีวัดป่ากับวัดบ้าน
วัดป่า ประวัติ แต่เดิมมีพระองค์หนึ่งซึ่งเดินทางมาจากจ.ร้อยเอ็ดซึ่งมาตั้งรากฐานยุบ้านโพนสว่างและได้สร้างวัดขึ้นโดยมีผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านช่วยกันสร้าง สร้างวัดนี้ตอนพ.ศ.2536เสร็จก็ประมาณ 2537เกือบปีกว่า วัดนี้มีชื่อว่าวัดดอยรอยพระพุทธบาทดงหลวง
บ้านโพนสว่างมีสองวัดมีวัดป่ากับวัดบ้าน
วัดป่า ประวัติ แต่เดิมมีพระองค์หนึ่งซึ่งเดินทางมาจากจ.ร้อยเอ็ดซึ่งมาตั้งรากฐานยุบ้านโพนสว่างและได้สร้างวัดขึ้นโดยมีผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านช่วยกันสร้าง สร้างวัดนี้ตอนพ.ศ.2536เสร็จก็ประมาณ 2537เกือบปีกว่า วัดนี้มีชื่อว่าวัดดอยรอยพระพุทธบาทดงหลวง
วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2557
ผลผลิตทางการเกษตร
1.ยางพารา
ยางพารา เป็นไม้ยืนต้น มีถิ่นกำเนิดบริเวณลุ้มน้ำแอมะซอน ประเทศบราซิลและเปรู ทวีปอเมริกาใต้ โดยชาวพื้นเมืองเรียกว่า "เกาชู" (cao tchu) แปลว่าต้นไม้ร้องไห้ จนถึงปี พ.ศ. 2313 (1770) โจเซฟ พรีสต์ลีย์ พบว่ายางสามารถนำมาลบรอยดำของดินสอได้ จึงเรียกว่ายางลบหรือตัวลบ (rubber) ซึ่งเป็นศัพท์ใช้ในอังกฤษและเนเธอร์แลนด์เท่านั้น ศูนย์กลางของการเพาะปลูกและซื้อขายยางในอเมริกาใต้แต่ดั้งเดิมอยู่ที่รัฐปารา (Pará) ของบราซิล ยางชนิดนี้จึงมีชื่อเรียกว่า ยางพารา
2. มันสำปะหลัง
มันสำปะหลัง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Manihot esculenta (L.) Crantz) เป็นพืชหัวชนิดหนึ่ง เป็นพืชอาหารที่สำคัญอันดับ 5 รองจากข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าว และมันฝรั่ง ชื่อสามัญเรียกหลายชื่อเช่น Cassava, Yuca, Mandioa, Manioc, Tapioca ชาวไทยเดิมเรียกกันว่า มันสำโรง มันไม้ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียกว่า มันต้นเตี้ย ภาคใต้เรียกมันเทศ (แต่เรียกมันเทศว่า "มันหลา") คำว่า "สำปะหลัง" ที่นิยมเรียกอาจมาจากคำว่า "ซำเปอ (Sampou)" ของชวาตะวันตก
มันสำปะหลังมีแหล่งกำเนิดแถบที่ลุ่มเขตร้อน (Lowland tropics) มีหลักฐานแสดงว่าปลูกกันในโคลัมเบีย และเวเนซูเอลา มานานกว่า 3,000-7,000 ปีมาแล้ว นิยมใช้เป็นอาหารเลี้ยงสัตว์
3.อ้อย
อ้อย (อังกฤษ:Sugar-cane, ชื่อวิทยาศาสตร์ Saccharum officinarum Linn. POACEAE ) ) เป็นพืชพวกหญ้าชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากเมื่อพิจารณาในแง่ของผลผลิต เพราะอ้อยสามารถใช้ปัจจัยสำหรับการเจริญเติบโต เช่น แสงแดด น้ำ อากาศ และธาตุอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้อ้อยยังเป็นพืชที่ปลูกง่าย และเมื่อปลูกครั้งหนึ่งแล้ว สามารถเก็บเกี่ยวได้หลายครั้ง อ้อยชอบอากาศร้อนและชุ่มชื้น ดังนั้นประเทศที่ปลูกอ้อย ซึ่งมีประมาณ 70 ประเทศจึงอยู่ในแถบร้อนและชุ่มชื้นในระหว่างเส้นรุ้งที่ 35 องศาเหนือ และ35 องศาใต้ รวมทั้งประเทศไทยด้วย
2. มันสำปะหลัง
มันสำปะหลังมีแหล่งกำเนิดแถบที่ลุ่มเขตร้อน (Lowland tropics) มีหลักฐานแสดงว่าปลูกกันในโคลัมเบีย และเวเนซูเอลา มานานกว่า 3,000-7,000 ปีมาแล้ว นิยมใช้เป็นอาหารเลี้ยงสัตว์
3.อ้อย
เผ่าประจำท้องถิ่น
เผ่าไทยโซ่
ประวัติความเป็นมา ชาวไทยโซ่ในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร เป็นชาวไทยตระกูลเดียวกันกับพวกบรู หรือพวกไทยข่า นักมนุษยวิทยาถือว่าพวกไทยโซ่เป็นชาติพันธุ์ของมนุษย์ ในกลุ่มมองโกเลียด์ มีภาษาขนบธรรมเนียมประเพณีแตกต่างไปจากพวกไทยข่า แต่ภาษานั้นถือว่า อยู่ในตะกูลออสโตรอาเซียติดสาขามอญเขมรหรือตะตู ซึ่งสถาบันวิจัยภาษาฯ ของมหาวิทยาลัยมหิดลได้รวบรวมไว้บทความเรื่องภาษาตระกูลไทย
พวกกะโซ่ซึ่งอพยพเข้ามาในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้ตั้งขึ้นเป็นเมืองหลายเมือง คือ
เมืองรามราช เป็นชาวกะโซ่จากเมืองเซียงฮ่ม ในแขวงสุวรรณเขต
ตั้งขึ้นเป็นเมืองรามราช ขึ้นกับเมืองมุกดาหาร เมื่อ พ.ศ. 2387 โปรดเกล้าฯ
ตั้งให้ท้าวบัว แห่งเมืองเชียงฮ่ม เป็นพระทัยประเทศ เป็นเจ้าเมืองเป็นคนแรก
ปัจจุบันเป็นพื้นที่รามราช ตำบลพระทาย ตำบลท่าจำปา อำเภอท่าอุเทน
ตำบลโพนสวรรค์ อำเภอดงหลวง จังหวัดนครพนมและมุกดาหารเป็นหมู่บ้านชาวไทยโซ่
วันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2557
ภูมิปัญญาชาวบ้าน
การทอผ้าไหม
การทอผ้าไหมของไทยมีมาเนิ่นนานแล้ว แต่เดิมปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและสาวไหมเองโดยใช้กี่ธรรมดา เพื่อทอใช้สอยกันภายในครอบครัวเท่านั้น และจัดได้ว่าเป็นงานหัตถกรรมอย่างหนึ่งที่ต้องใช้ความประณีตและความพิถีพิถันในการผลิตอย่างยิ่งยวด เส้นใยไหมที่ถักสานร้อยเรียงกันแต่ละเส้นจากกี่ทอมือจึงแลกมาด้วยความอุตสาหะ ทำให้เป็นผ้าที่มีค่ายิ่ง ด้วยเหตุนี้จึงถูกเลือกให้เป็นผ้าที่ใช้สวมใส่เฉพาะเทศกาลสำคัญ หรือมอบเป็นของขวัญสำหรับคนที่รับและนับถือ ไหมได้รับสมญานามว่าเป็นราชินีแห่งเส้นไหม
วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2557
โครงการที่เข้ามาในหมู่บ้าน
พิธีมอบบ้าน สร้างกุศลถวายแด่พ่อของแผ่นดิน
พันเอกยุทนา ม่วงพูลสวาส รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดมุกดาหาร ประธานในพิธีส่งมอบบ้านให้กับประชาชน พร้อมด้วย กรมทหารราบที่ 3 พร้อมด้วย ผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านโพนสว่าง ได้จัดทำพิธีส่งมอบบ้านตามโครงการซ่อมแซมบ้านประชาชนถวายกุศลถวายพ่อของแผ่นดิน ๘๔ พรรษา เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเนื่องในวโรกาสมหามงคล ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมายุครบ ๘๔ พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม 2554 นี้ โดยได้ทำการซ่อมแซมที่พักอาศัยให้แก่ราษฏร ผู้ยากจน ให้มีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในด้านที่อยู่อาศัยให้กับราษฏรที่ยากจน
หมู่บ้าน ได้คัดเลือกราษฏรที่ยากจนได้แก่ บ้านของนายนาน เชื้อคำฮด อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 86 หมู่ 6 บ้านโพนสว่าง ตำบลพังแดง อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร
ในการดำเนินการซ่อมแซมบ้านในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนกำลังพลชุดช่างจากกรมทหารราบที่ 3และ ชาวบ้าน
โครงการนี้ เริ่มดำเนินการซ่อมแซมในวันที่ 2 เมษายน 2554 แล้วเสร็จในวันที่ 4 มิุุถุนายน 2554 รวมระยะเวลา 32 วัน จึงกำหนดจัดพิธีส่งมอบบ้านให้กับประชาชน ตามโครงการซ่อมแซมบ้านประชาชนสร้างกุศลถวายพ่อของแผ่นดิน ณ บ้านโพนสว่าง บ้านเลขที่ 86 หมู่ 6 ตำบลพังแดง อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร วันที่ 21 มิถุนายน 2554 เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป
ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม
เจ้าหน้าที่ อปพร.องค์การบริหารส่วนตำบลพังแดง ร่วมกับประชาชนในพื้นที่ช่วยเหลือประสบอุทกภัยน้ำท่วมที่เกิดจากพายุฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหาย ประชาชนไม่สามารถสัญจรไปมาได้สะดวก จึงต้องใช้เรือเป็นพาหนะในการเดินทางของประชาชน ซึ่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พร้อมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย นายอำเภอดงหลวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เดินทางมามอบถุงยังชีพเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ในวันที่ 29 สิงหาคม 2553 จำนวน 2 หมู่บ้าน คือบ้านนาหลักและบ้านโพนสว่าง นอกจากนี้ก็มีหน่วยงานอื่นๆ ให้ความช่วยเหลือแก่ราษฏรที่ได้รับภัยน้ำท่วมด้วยเช่นกัน
วันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2557
อาชีพ
ราษฎรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพการเกษตร ประมาณร้อยละ 90 %
1.อาชีพหลัก ทำนา ทำสวน ทำไร่
2.อาชีพรอง หาของป่าจักรสาน ทอผ้าฝ้าย/ผ้าไหม ปลูกพืชอายุสั้น ค้าขายและรับจ้างทั่วไป
3.ด้านการปศุสัตว์ เลี้ยงโคกระบือ ไก่เป็ด หมู ปลา เพื่อขายและเป็นอาหาร
4.ด้านอุตสาหกรรม มีการประกอบอาชีพอุตสาหกรรมขนาดย่อมๆ เช่น ร้านซ่อมรถจักยานยนต์ โรงสี ขนาดเล็ก อื่นๆ
5.ด้านการพาณิชย์มีร้านค้าสหกร ร้านสาธิตการตลาด กลุ่มกองทุนสงเคราะห์ประจำหมู่บ้าน
6.ด้านรายได้ ประชากรมีรายได้โดยเฉลี่ย 23,000 บาท/ครัวเรือน/ปี
พืชผักและอาหาร
เดียวนี้เข้าฤดูหนาวชาวบ้านพากันปลูกผักสวนครัวเช่น ผักกาด ผักชี ต้นหอมเป็นต้น และเลี้ยงปลาดุก เป็นส่วนใหญ่และช่วงนี้เป็นช่วงที่ชาวบ้านจะหาของป่ามาขายยกตัวอย่างเช่น เขียดมะหนาว เป็นต้นแต่อาหารหลักของชาวบ้านคือ หอย ปู กุ้งและงานหลักของชาวบ้านจริงๆๆคือกีดยางส่วนมากจะไปกีดก็เวลาประมาณ 01.00-03.00เป็นต้น
วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2557
ประวัติบ้านโพนสว่าง
ตั้งแต่เดิมชื่อ บ้านนากระเดา พอชาวบ้านอยู่ได้สักพักก็เกิดโรคระบาดจากไข้ป่าขึ้นชาวบ้านจึงอพยพไป
อยู่บนภูเขาลูกหนึ่งจึงมีชื่อใหม่ว่า บ้านโพนสว่าง จนถึึงปัจจุบัน
หมู่บ้านอยู่ห่างจากอำเภอประมาณ 17กิโล
สภาพทั่วไปของหมู่บ้าน มีพื้นที่เป้นที่ราบสูงแวดล้อมด้วยภูเขาและป่าไม้
อาณาเขต ทิศเหนือจดกับภูเขา ทิศใต้จดบ้านโคกยาว ทิศตะวันออกจดบ้านโพนไฮ
และทิศตะวันตกจดบ้านนาหลัก
ประชากรส่วนใหญ่เป็นชนเผ่าไทยกะโซ่ นับถือศาสนาพุทธ ภาษาประจำถิ่นคือ ภาษาโซ่
นามสกุลที่ใช่คือ เชื้อคำฮด วงศ์กะโซ่
ขนบธรรมเนียมประเพณีที่สำคัญคือ เปิดประตูเล้า (ฉางข้าว)การนับถือวิญญาผีบรรพบุรุษ
บุญประเพณีต่างๆ
สถานที่ท่องเที่ยวคือ ปล่องภูเขาไฟโบราณและรอยพระพุทธบาทและอ่างเก็บน้ำห้วยไร
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)